ท้องถิ่น-ท้องที่วิถีใหม่ (1) “สู้ภัยโควิด ระลอกสาม”

ถึงเครือข่ายผู้นำองค์กรชุมชน ภาคประชาสังคมและเครือข่ายท้องถิ่น-ท้องที่วิถีใหม่ ทุกจังหวัด.

นับตั้งแต่ต้นปี 2563 การระบาดของไวรัสโควิดตัวจิ๋ว ได้ทำลายโครงสร้างระบบสาธารณสุขและบริการทางการแพทย์ของประเทศต่างๆไปแล้วค่อนโลก รวมทั้งประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นแชมเปี้ยนในด้านการแพทย์และจ้าวแห่งเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนและยาของโลก อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิตาลี สเปน อินเดีย บราซิล ฝรั่งเศส ฯลฯ  โชคดีที่รัฐบาลและระบบสาธารณสุขไทยยังสามารถยืนระยะมาได้.

แต่สถานการณ์โควิดระลอก 3  ทั้งรวดเร็วและรุนแรงมาก จนลำพังอำนาจรัฐส่วนกลางทำท่าจะต้านทานไว้ไม่อยู่เสียแล้ว  จึงถึงเวลาที่ผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่วิถีใหม่ รวมทั้ง อบต.เทศบาล อบจ.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำองค์กรชุมชน และภาคประชาสังคมในแต่ละพื้นที่ ต้องลุกขึ้นมาจัดการตนเองและช่วยสนับสนุนระบบสาธารณสุขของพื้นที่.

อย่างไรก็ตาม มีคาถาบทหนึ่งที่ทุกคนต้องจดจำและถือปฏิบัติอย่างเข้มงวด คือ ป้องกัน ป้องกัน และป้องกัน.  ต้องตระหนักเสมอว่าขณะนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับไวรัสตัวร้ายที่ตามองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ โชคยังดีที่รู้ชัดวิธีป้องกัน ถ้ารู้เท่าทัน มีสติและมีวินัยป้องกันตนอย่างเข้มงวดก็สามารถรอดได้  หากพลาดท่าเสียทีด้วยความประมาทเลินเล่อจะไปโทษเทวดาฟ้าดินคงไม่ได้.

ในสถานการณ์วิกฤติของสังคมเช่นนี้ ควรถือเป็นโอกาสสำหรับผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่ในการแสดงศักยภาพให้สังคมได้ประจักษ์  ขอแนะนำว่าท่านควรใช้ “อำเภอ” เป็นขอบเขตพื้นที่แสดงศักยภาพ  เพราะอำเภอมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมมือ ทั้งโรงพยาบาลชุมชน รพสต. อสม. อบต. เทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กองทุนหมู่บ้าน สภาองค์กรชุมชน รวมทั้งกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ฯลฯ  ที่นั่นเขาต้องการ “นักบูรณาการที่เก่งฉกาจ เอาการเอางาน มีคุณธรรม ซื่อตรงโปร่งใส”  

มีภารกิจที่น่าสนใจ 3 ประการ

1. ป้องกันตน ปกป้องชุมชน  

การสื่อสารคำขวัญเดิม “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ยังทันสมัยและใช้การได้ การหยุดนิ่งอยู่ในบ้านสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง สามารถหยุดการแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ทันที เชื้อที่ออกมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมก็จะหมดอายุขัยไปตามธรรมชาติ  ควรออกนอกบ้านในเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น และต้องไม่ลืม “ระมัดระวังตัวอย่างเข้มงวด สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ใช้ช้อนส่วนตัว เว้นระยะห่าง.”

2. หลักประกันวัคซีนถ้วนหน้า

เปรียบเทียบกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปน ปี 1918-1921 ทั่วโลกมีผู้ป่วย 500 ล้านคน เสียชีวิต 50 ล้านคน ตอนนั้นไม่มีวัคซีน ไม่มียา การระบาดหยุดไปเอง  แต่คราวนี้หลายประเทศเร่งผลิตวัคซีนโควิดขึ้นมาสำเร็จหลากหลาย โชคดีประเทศไทยมีพันธมิตรมาก รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนได้แล้ว 100 ล้านโด้สสำหรับคนไทย 50 ล้านคน ภายในก่อนสิ้นปีนี้. การจัดเตรียมข้อมูลและฐานทะเบียนประชากรในพื้นที่อำเภอ-ตำบลของท่าน เป็นหลักประกันวัคซีนอย่างถ้วนหน้า เป็นระเบียบเรียบร้อย.

 3. เตรียม Hospitel ชุมชน 

ในจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่ใกล้ทะลุ 3,000 ราย/วัน ยังมีผู้เร่ร่อนหาสถานพยาบาลร่วมพันราย ภาครัฐขยายเตียงและโรงบาลสนามไม่ทัน. อันที่จริงแพทย์วางแนวทางดูแลไว้ 3 ระดับ 1)กลุ่มสีแดง มีอาการรุนแรง โควิดลงปอดแล้ว กลุ่มนี้ต้องอยู่โรงพยาบาลใหญ่ มี ICU บุคลากรและเครื่องมือพร้อม  2)กลุ่มสีเหลือง อาการไม่รุนแรง ปอดปกติ สามารถพักอยู่ในโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลสนามได้  3)กลุ่มสีเขียว ติดเชื้อโดยยังไม่มีอาการ ยังแข็งแรง ส่วนใหญ่อยู่กลุ่มนี้ สามารถอยู่ในสถานที่กักตัวสังเกตุอาการ 7-10 วัน ( Hospitel) . ภาคเอกชนและประชาสังคมในจังหวัด-อำเภอ สามารถช่วยจัดการข้อมูลอาคารสถานที่ เผื่อการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหรือ Hospitel ชุมชน เอาไว้ล่วงหน้า.

นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป 

สมาชิกวุฒิสภา / 27 เมษายน 2564.