สัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่ รมช.พม.รับแรงกระแทกกดดันหนักที่สุดตั้งแต่ร่วมงานรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
แต่ด้วยความมีสติตั้งมั่นและมีทุนทางสังคมอยู่พอตัว เหตุการณ์ต่างๆ จึงไม่ลุกลามและในที่สุดก็อยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้อย่างเป็นฝ่ายกระทำ เริ่มตั้งแต่การก่อMobของกลุ่มสลัมสี่ภาคมุ่งโจมตีโดยตรงในข้อหาว่า “ไม่เอาใจใส่ในการแก้ปัญหาชุมชนถูกไล่รื้อ” จนถึงขั้นชุมนุมยืดเยื้อเผาหุ่นข้างทำเนียบรัฐบาล นอกจากนั้นยังมีความเคลื่อนไหวที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมในรัฐบาล และ สนช. ตั้งท่าสกัดกั้น (ร่าง) กม.ของกระทรวง พม.ทั้งชุด แต่เมื่อทีมงานของ รมช. และรมว. ผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหา ทั้งกับ Mob และกับ ครม. แรงกดดันต่างๆ เริ่มคลี่คลาย ในขณะที่งานสร้างสรรค์ต่างๆ ของ พม. ก็เปล่งประกายออกในที่สุดทันกาล
26 สิงหาคม 2550
– ไม่มีภารกิจทางราชการจึงใช้เวลากับครอบครัว ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ และเตรียมความคิดสำหรับงานการเมืองเพื่อเช้าวันจันทร์
– หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี (ศรัณย์) และเลขาฯ (ปกรณ์) รายงานว่าในวันจันทร์จะมี Mob สลัม 4 ภาคมากดดันที่กระทรวงเห็นว่าพรุ่งนี้เป็นวันประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชุมชนถูกไล่รื้ออยู่แล้ว พวกเขาคงจะมาเรียกร้อง เร่งรัดตามปกติก่อนเข้าประชุมในช่วงบ่าย
– ศรัณย์รายงานว่าวันอังคารมีเรื่อง กม.เข้า ครม. วาระ 4 ซึ่งตึงเครียดทีเดียวเพราะเป็นเรื่องที่ สคก. (กฤษฎีกา) ขอให้รัฐบาลทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรเอกชนทั้งแผงจำนวน 10 ฉบับว่าไม่น่าจะจำเป็นต้องมีกฎหมายดังกล่าว โดย 6 ใน 10 ฉบับนั้นเป็นกฎหมายของกระทรวง พม.
27 สิงหาคม 2550
– 10.00น. ผู้แทน Unicef, Mr.Tomoo (คุณโทโมโอะ) มาพบที่กระทรวงเพื่อหารือเรื่องงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสตรีและเด็กที่ชายแดนไทย บริเวณ จ.หนองคาย ที่นั่นมีปัญหาว่าศูนย์อพยพดูแลไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เกิดปัญหาด้านสุขภาพอนามัยและคุณภาพชีวิต ผู้อพยพกลุ่มหนึ่งประท้วงโดยทำร้ายตัวเอง (Hunger Strike) เขาอยากให้ พม. เข้าไปช่วยดูแลด้วย
– ผมมอบหมายให้ ผอ.สท.ในฐานะหน่วยงานดูแลผู้ด้อยโอกาส ทำงานร่วมกับ Unicef ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมทีมลงไปดูปัญหาจริง ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น และทำรายงานบันทึกเสนอต่อ รมต. ….หากสมควรเสนอ ครม. เพื่อทราบ หรือมีมติสนับสนุนการดำเนินงานแก้ปัญหาจะได้ดำเนินการต่อไป
– Mr.Tomoo ท้าวความถึง รมช.พม.ว่าทราบจากประวัติของท่านว่าเคยทำงานกับ Unicef มาก่อน จึงมีความดีใจมาก ผมเรียน Mr.Tomoo ว่าเมื่อ 15 ปีก่อนผมไปทำงานในฐานะที่ปรึกษา Unicef ที่คุณหมิงในโครงการป้องกันเอดส์ประเทศลุ่มน้ำโขง จำไม่ได้ว่าเจ้าหน้าที่ Unicef ที่ทำงานด้วยกันตอนนั้นชื่ออะไร ?
– เวลา 13.30 น. ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด, กลุ่มสลัม 4 ภาคไม่ได้มาประชุมด้วยเพราะพวกเขามุ่งไปพึ่งพารองนายกฯ เขาคงไม่เห็นประโยชน์ของที่ประชุมนี้แล้ว, พวกเราประชุมตามปกติ มีตัวแทนส่วนราชการมาร่วมหลายหน่วย เช่น รถไฟ กทม. การเคหะ ตำรวจ ยุติธรรม คมนาคม ประเด็นใหญ่เป็นเรื่องติดตามงาน ซึ่งมีความคืบหน้าไปดีมาก ยกเว้นส่วนที่เป็นปัญหาบุกรุกที่เอกชนของกลุ่มสลัม 4 ภาคนั้นเอง
กลุ่มประท้วง (สลัม 4 ภาค) ที่ทำเนียบด้าน กพ. กล่าวโจมตี รมช.พม. และเรียกร้องให้รองนายกฯ ไปแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ทีมงาน พอช. และรองนายกฯ ยังดูท่าทีอยู่ ยังไม่ยอมให้แกนนำเข้าพบ มีการออกใบปลิวแถลงการณ์โจมตีการทำงานของ รมช.พม. ว่า “รับปากส่งเดช” และอภิปรายให้ข้อมูลบิดเบือน 80% เพื่อประนาม รมช.พม. ผมมอบให้ทีม พอช. เกาะติดดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
– เวลา 16.00 น. หมอพีระพล (ศิริราชรุ่นน้อง) ทำงานที่ สปสช. ในกรุงเทพฯ ในโครงการศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. กับโรงพยาบาลรามาธิบดี มีความคิดอยากจะเปิดคลีนิกชุมชนโดยใช้พยาบาลเวชปฏิบัติเป็นผู้ตรวจรักษา โดยมีชุมชนเป็นเจ้าของ/บริหารศูนย์นี้แทนที่จะเป็นภาครัฐ จึงมาปรึกษาว่าจะเลือกชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีความพร้อมที่ไหนสัก 5 แห่งเพื่อเริ่มต้นนำร่อง
– ผมนัดพวกแกนนำชุมชนในเขต กทม.มาด้วย จึงมอบหมายภารกิจให้ไปเลือกหาชุมชนที่พร้อมมาจำนวนหนึ่งสัก 5 – 10 แห่ง แล้วนัดหมายมาพิจารณาร่วมกัน แกนนำเครือข่ายชุมชนมีความพร้อมและดีใจมาก
28 สิงหาคม 2550
– เวลา 08.30 น. นัดพบรองนายกฯ ตั้งแต่เช้าก่อนประชุม ครม. เพื่อปรึกษาเรื่องชุมชนทรายทอง และเรื่องกฎหมาย พม. 6 ฉบับที่นายกฯจะนำเข้าหารือใน ครม. วันนี้ ตกลงว่าเรื่องแรกนั้นพี่สมสุข (ผอ.พอช.) เดินไปเยี่ยมชาวบ้านที่ชุมนุมตั้งแต่เช้า เพื่อถามสารทุกข์สุขดิบก่อนมาพบรองนายกฯ ด้วยกัน บอกว่าเหตุการณ์สงบดี พอช.มั่นใจว่ามีสถานที่ที่จะย้ายชุมชนไปแล้ว บสท. ให้ที่แล้ว ชาวบ้านดูพอใจแล้ว (ไม่ไกลที่เดิม ราคาไม่แพงนัก) น่าจะมั่นใจในการเจรจากับเจ้าของที่ดินได้มากกกว่าเดิม ส่วนเรื่องหลัง อ.ไพบูลย์บอกว่านายกฯ จะชะลอการพิจารณาวาระทั้ง 4 ไปก่อนเพื่อคุยกันนอกรอบ ตามที่อาจารย์ไพบูลย์เสนอ
– เวลา 09.00 น. ประชุม ครม. ตามปกติ วันนี้ไม่มี คมช. แต่ยังคงขอคุยนอกรอบก่อนประชุม ครม. เริ่มจากนายกฯ พูดถึงการเข้าเฝ้าพระราชินี และได้กราบรายงานว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว ท่านทรงสบายพระทัย ท่านบอกว่า “ในหลวงแข็งแรงขึ้นมาก ไม่ต้องใช้ไม้เท้า (ธารพระกร)” “พระราชินีท่านฝากเรื่องการสร้างมิตรภาพกับเพื่อนบ้านโดยรอบประเทศให้รัฐบาลช่วยดูแล”
ที่ประชุม รมต. ช่วยกันเล่าให้ข้อมูล แสดงความคิดเห็นกันใหญ่ว่าจะทำอะไรในเรื่องเพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่จะพูดเรื่องสะพาน ถนน รถไฟ เพื่อการติดต่อไปมาค้าขาย ท่องเที่ยวนั่นเอง พูดกันแล้วก็ไม่มีข้อสรุปอะไร เสมือนเป็นการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันโดยไม่กำหนดประเด็น (Dialogues) มากกว่าการประชุม
– ประชุม ครม. วันนี้มีวาระเพื่อพิจารณ รวม 16
– ระหว่างประชุม ครม. เลขาธิการนายกฯ (พลเอกพงศ์เทพ) มี Note มาถึง รมช.พม. ว่าขณะนี้Mob สลัม 4 ภาคกล่าวโจมตี รมช.พม. รุนแรงมาก และมีการเผาหุ่นด้วย ขอให้ รมช.พม.ออกไปดูและจัดการหน่อย! ผมต้องออกนอกห้องประชุม ครม. เพื่อสั่งการให้เลขา, หน.สร., ป.พม., ช่วยเสริมกำลัง พอช. ดูแลปัญหาโดยด่วน ใบปลิวที่โอภาส (ผู้ติดตาม) นำมาให้อ่าน ทำให้รู้ว่าพวกเขาโกรธแค้น-เกลียดชัง รมช.พม. มากทีเดียว โทษฐานที่รมช.ไปรับปากว่าจะช่วยแต่ไม่ทำอะไรเลย !?! (ความจริงคือทำอะไรไม่ได้มาก และทำอะไรไม่ทันใจพวกเขานั่นแหละ)
– หลังประชุม ครม. ผมหลบนักข่าวเป็นครั้งแรก ลงชั้นใต้ดินแล้วขึ้นรถออกไปเลย ให้เจ้าหน้าที่ขับรถวนดูบรรยากาศ Mob ด้านสำนักงาน กพ. 1 รอบ พบว่าพวกเขาน่าสงสารมากที่มาหลับนอนข้างฟุตบาธไม่มีเต้นท์ที่มั่นคง มีแต่ผ้ายางซึ่งกันแดดกันฝนเท่านั้น
– ที่กระทรวง ทีม หน.สร., เลขาฯ ปกรณ์ และ พอช. กำลังนั่งระดมความคิดกันว่าจะแก้ปัญหา Mob อย่างไร พอทราบเขารายงานว่าตอนเช้า เจ้าหน้าที่พอช.(คุณสยามและคุณเล็ก) ไปพบทนายของป้าวีระวรรณ เจ้าของที่คู่กรณีกับชาวบ้านหลายหนแล้วมีท่าทีดีขึ้น บอกว่าข้อเสนอของ พอช./พม.ที่ว่าขอเวลา 4 เดือน และมีที่ที่จะให้ชาวบ้านให้เรียบร้อยแล้ว เขารับปากจะไปสื่อสารกับคุณป้าแล้วจะให้คำตอบ โดยขอให้ พอช. ทำหนังสือยืนยันเป็นทางการไป!!
– เวลา 15.00 น. คุณสันติสุข โสภณศิริ นักคิดนักเขียนที่มีชื่อเสียง เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่คณะวิทยาศาสตร์มหิดลเมื่อ 30 ปีก่อน มาพบในฐานะเป็นประธานมูลนิธิไวชยากรของ อาจารย์องุ่น มาลิก (ต่อจาก อ.ไพบูลย์) แกพาทีมงานที่ทำด้านเศรษฐกิจพอเพียงและเยาวชนจากลำปาง/ลำพูนมาด้วย ศูนย์เหล่านี้ต่อไปอาจจะกลายเป็น “ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง” ของกระทรวง พม. ไปโดยปริยายและอยู่ในวิสัยที่จะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
29 สิงหาคม 2550
– เวลา 09.00 น. เดินทางไปปัตตานีโดยเครื่องบินนกแอร์
– เวลา 14.00 น. ทำพิธีเปิดตัวโครงการเครือข่ายอาสาสมัครดูแลผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บฉุกเฉินในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แถลงข่าว และทำพิธีปล่อยขบวนรถฉุกเฉินโดยอาสาสมัครแสดงสาธิตการช่วยผู้บาดเจ็บด้วย
– พิธีการต่างๆ สร้างบรรยากาศที่คึกคักมาก ถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สร้างผลสะเทือนทันทีที่เปิดตัวออกไป ความจริงแล้วพวกเขาทำมาแล้ว 2 เดือน เป็นที่ต้อนรับจากฝ่ายต่างๆ มาก รวมทั้งฝ่ายขบวนการก็ไม่ขัดขวาง
– รมช.พม. ประกาศเจตนารมณ์และหลักการของโครงการอย่างชัดเจนว่า
1) เป็นเครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชนของชุมชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
2) เป็นขบวนที่ช่วยเหลือผู้ยากลำบากโดยไม่แบ่งขั้ว ไม่แยกฝ่าย ไม่สนใจความคิดทางการเมืองใดๆ …. แต่ช่วยโดยหลักมนุษยธรรมเท่านั้น
3) เป็นหน่วยเสริมการทำงานของภาครัฐและองค์กรสาธารณประโยชน์ทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน, ผู้บาดเจ็บ และผู้ยากลำบาก
4) ขอมิให้พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองทั้งทางโลกและทางศาสนา ทั้งระดับชาติ และระดับท้องถิ่นใดๆ มาอาศัยเครือข่ายนี้เป็นเครื่องมือหาเสียง
5) พม. ช่วยสนับสนุนให้ชุมชนสามารถริเริ่มได้ในปีที่ 1 แต่หลังจากนั้นเป็นต้นไป ขอฝากให้สังคม ชุมชนต้องช่วยกันดูแลต่อ โดยเฉพาะด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ
หลังพิธีเปิดงานและปล่อยขบวนรถ 13 คันออกเคลื่อนที่ไป กลับมานั่งคุยกับอาสาสมัครส่วนหนึ่งระหว่างทานกาแฟ พวกเขามีกำลังใจมาก มี 2-3 คนพยายามเข้ามาหาผมและสื่อสาร (ด้วยภาษาที่ไม่แข็งแรง) ว่า “อยากให้ รมต.อยู่ต่อนานๆ จะช่วยพวกเราได้มาก !”
ข่าวที่ออกทาง TV.7, 11, 5 มีคนได้ดูบอกว่าเป็นภาพที่มีพลังมาก และสะท้อนความหวังในการแก้ไฟใต้ได้ดีทีเดียว (คุณอดิสรณ์ จากเชียงใหม่)
– ระหว่างขึ้นเครื่องบินจาก กทม. – หาดใหญ่ ได้อ่านหนังสือพิมพ์วัฎฐจักร และผู้จัดการลงข่าวด้วยภาพ “สลัมเผาหุ่นหมอพลเดช” ในภาพแกนนำกำลังทำท่าใช้มีดตัดคอ ภาพเดียวกันนี้มีเจ้าหน้าที่ พม. ได้ดูแล้วถึงกับน้ำตาซึม …”ทำไมจึงทำถึงอย่างนี้ ?!” …
– ทีมแก้ปัญหาสลัมของ รมช.พลเดช รายงานให้ทราบว่าการพูดคุยกับทนายเจ้าของที่เป็นไปด้วยดี ปกรณ์ทำหนังสือถึงเจ้าของที่แล้ว แต่ม็อบยังอยู่ต่อ ผมโทรหา อ.ไพบูลย์ว่า “การแก้ปัญหาผมจะเดินหน้าต่อไป แต่ถ้าพวก Mob อยากพบรองนายกฯ ผมต้องขอรบกวนพี่ช่วยด้วย” อ.ไพบูลย์ตอบตกลง
– ตัวแทนมีการเข้าพบอาจารย์ไพบูลย์จริงโดยมา 10 คน เข้าพบรองนายกฯ ที่ห้องทำงาน ก่อนเข้าพบรับปากว่าเมื่อพบ อ.ไพบูลย์ แล้วจะสลายตัว แต่หลังพบกลับเบี้ยวเหมือนเดิม !! เล่นเอาทีมรองฯ ไพบูลย์หัวเสีย
– ทีมการข่าวหลายสาย (หน.สร.) วิเคราะห์ประเด็นตรงกันว่าเรื่อง Mob สลัม 4 ภาคครั้งนี้มีความพยายามเตะตัดขาสกัดดาวรุ่งและตอกลิ่มให้รัฐมนตรีสองพี่น้องแตกกัน! ผมฟังไว้ด้วยความมีสติและคิดในใจว่า “ไม่มีทาง”
– ปัญหาชุมชนทรายทองและสลัม 4 ภาคสรุปขณะนี้สามารถเป็นแนวทางของรมช.พม.ได้ดังนี้
1) พม.ถือว่าปัญหาชุมชน (สลัม) ถูกไล่รื้อเป็นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ที่ควรมีหน่วยงานรัฐ / ราชการ / ท้องถิ่น เป็นเจ้าภาพ…เข้าไปดูแล…จึงตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาขึ้นมา 1 ชุด…โดยให้พอช.เป็นเลขานุการ (สิน) และ รมว.เป็นประธาน
2) ชุมชนถูกไล่รื้อแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ซึ่งมีเงื่อนไขและสถานการณ์ต่างกัน
3) การช่วยเหลือของ พอช. ผ่านกระบวนการบ้านมั่นคง
จัดกลุ่มผู้เดือดร้อน ออมทรัพย์ตั้งสหกรณ์เคหะสถาน
หาซื้อที่ดินออกแบบ ก่อสร้างปรับบริเวณ ขนย้ายเข้าบ้านใหม่
ซึ่ง 5 ขั้นนี้ต้องใช้ระยะเวลา 12 – 18 เดือนเป็นอย่างน้อย
4) กรณีเร่งด่วนมี 4 กรณี
P กระทุ่มเดี่ยว / RCA…เจ้าของโรงแรมแอมบาสเดอร์…ลงเอยเรียบร้อยแล้ว
ชุมชนทรายทอง
ชุมชนย่านพระราม 3
ชุมชนย่านบางกะปิ (บางกอกแลนด์)
ทั้งหมดนี้ พม. / พอช. พยายามเข้าไปช่วยเจรจาอ้อนวอน แต่เข้าถึงตัวได้ยาก, ชาวบ้าน กับเจ้าของที่ดินมักมีรอยแค้นต่อกัน, กลุ่มแกนนำมีผลประโยชน์แฝงจากการเมือง, ชาวบ้านบางส่วนมีผลประโยชน์จากการให้เช่า, เจ้าของที่เอือมระอา / ไม่เชื่อน้ำคำ
ข้อที่ต้องยอมรับ เจ้าหน้าที่ พม. / รมช.พม. ไม่สามารถและไม่อาจทำผิดกฎหมายได้, ไม่สามารถเข้าถึงตัวและเจรจาเจ้าของที่ดินได้โดยง่าย, ไม่สามารถช่วยชาวบ้านได้ทันใจ
5) เพื่อการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนให้ชาวบ้าน
จัดทีมแก้ปัญหาเป็นรายชุมชนโดยมี 3 ภาคีร่วมกัน คือ พม., พอช., ชาวบ้าน
แบ่งงานหลักด้านดูแลชาวบ้านเป็นของ พอช. ด้านประสานส่วนราชการเป็นหน้าที่ พม.
แก้ 3 ชุมชนเร่งด่วนเสียก่อนจึงรุกไปดูแลอีก 16 ชุมชนที่กำลังจะวิกฤต
ไม่สนับสนุนและแนวทางของสลัม 4 ภาค และต้องกันออกไปจากกระบวนการทำงานเพื่อจะช่วยชาวบ้านได้ง่ายขึ้น
6) รมช.พม.ไม่โกรธที่ Mob ด่าทอ / ให้ร้าย / สาปแช่ง…..และยังคงตั้งใจจะช่วยเต็มที่…แต่ไม่รับรองว่าจะสามารถช่วยได้ 100%…ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น…รมช.พม.ไม่ต้องการคำขอบคุณหรือคำขอโทษใดๆ และรมช.พม.ไม่ใช่เทวดาที่จะทำอะไรได้ทุกอย่าง
30 สิงหาคม 2550
– เวลา 09.00 น. เปิดงาน “ทิศทางการพัฒนาครอบครัวและสังคมสมานฉันท์ 6 จชต.” ที่โรงแรม SD Avenue, มีครอบครัว 50 ครอบครัวจาก 6 จชต. เข้าอบรมและทัศนศึกษาใน กทม.
– เวลา 10.00 น. ทีม สปรส.เดิม หรือสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติปัจจุบัน ที่ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ นำโดย กรรณิการ์ บันเทิงจิตร์ มาหารือที่กระทรวงว่า สช. จะทำงานอย่างไรดีในเรื่องสมัชชาสุขภาพระดับพื้นที่และระดับประเด็น
– จึงถือโอกาสชี้ทางว่า สช. จะต้องเป็นหน่วยประสานสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ให้ขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์สุขภาพแห่งชาติ โดยอย่าทำเอง !! และ สช. ควรก้าวออกจากกระทรวงสาธารณสุขไปหาภาคีอื่นที่ห่างออกไปให้มาก และ พม. น่าจะเป็นภาคีที่เหมาะที่สุด เพราะ พม. มียุทธศาสตร์สังคม 3 ด้าน, พม.มีกลไกคณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคมจังหวัด, พม.มีข่ายสวัสดิการชุมชน / สวัสดิการท้องถิ่น, และ พม.มีข่ายเวทีประชาธิปไตยชุมชน 926 เวที, พม. ยังมี Naming Issue พร้อมที่จะไปสู่การทำ Issue Book และ Public Deliberative อีกด้วย
– กรรณิการ์ คงเห็นทางสว่างมากขึ้น ดูจากสีหน้าท่าทาง และยิ่งรู้ว่า พม.กำลังมีกองทุนส่งเสริมสวัสดิการจังหวัดอีกแห่งละ 5 -7 ล้าน/ปีด้วย ก็ยิ่งมองเห็นกลไกร่วมงานได้ชัดขึ้น
– เวลา 13.30 น. ประชุมคณะกรรมการติดตาม พ.ร.บ.กองทุนซะกาต ฝ่ายเลขา (ดร.อิศรา – เพื่อนวณี) รายงานว่า (ร่าง) พ.ร.บ.กองทุนซะกาตอยู่ที่ สคก. ขั้นอนุกรรมการ ซึ่งไล่ดูแลรายละเอียดแต่ละมาตราไปจนเกือบเสร็จแล้ว คงจะเสนอ สนช. ได้ทันภายใน 30 กันยายน นี้ และรัฐบาลมิได้มีปัญหาต่อ พ.ร.บ.นี้ มหาดไทยก็สนับสนุน
31 สิงหาคม 2550
– เวลา 07.30 น. สัมภาษณ์วิทยุจุฬาเรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองความรุนแรงในครอบครัว
– เวลา 08.30 น. สัมภาษณ์รายการหน้าต่างสังคมเรื่อง “เปิดชุมชนกาแลตาแป นราธิวาส กับนายกรัฐมนตรี” และเปิดโครงการอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ป่วยที่ จ.ปัตตานี
– เวลา 09.30 น. ประชุมรับฟังรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของ รมต.พม. ได้เห็นความก้าวหน้าไปอย่างมากจนมั่นใจได้ว่างานมหกรรม พม. จะมีพลังพอสมควรทีเดียว ทั้งในเรื่องสวัสดิการท้องถิ่น, สวัสดิการชุมชน, งานวิจัยบูรณาการกองทุนสวัสดิการชุมชนระดับอำเภอ, เวทีประชาธิปไตยชุมชน 926 เวที, วาระเพื่อเด็ก-เยาวชน 2550, การถอดสลักความรุนแรง-ศปลร., ศูนย์ความยุติธรรม ฯลฯ
– เวลา 13.30 น. ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติมีประเด็นที่กรรมการส่วนหนึ่งเกิดอาการตีรวน คือเรื่องแก้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการฯ ที่จะให้องค์กรสวัสดิการชุมชนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสังคม แต่สามารถคลี่คลายได้โดยกระบวนการประชุม มีงานสานต่อวาระแห่งชาติว่าด้วยเรื่องการให้ ซึ่งคุณชินชัย ชี้เจริญ(พม.)และ รศ.ศุภรัตน์ รัตนมุข (มธ.) นำเสนอ แต่ประเด็นที่ฝ่ายเลขาจะนำผลของการประชุมอนุกรรมการเสนอ ครม. เพื่อพิจารณามาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมวาระแห่งชาติ ที่ประชุมขอให้นำเข้าคณะกรรมการชุดหนึ่งที่กระทรวงการคลังแต่งตั้งเสียก่อนจะดีกว่า
– เวลา 16.30 น. บันทึกเทปรายการรักลูกให้ถูกทางของ ดร.สมฤดี วรกิจโภคา ที่ตึกรัตนโกสินทร์วิว ริมเจ้าพระยา (สวยมาก) ประเด็นที่ออกรายการคือเรื่องการพัฒนาและบทบาทครอบครัว
– เวลา 18.00 น. ประชุมหารือสถานการณ์กับทีม LDI, ส X ส ที่ห้องประชุมชั้นล่างของสถาบันฯ จนดึก ได้แนวทางกว้างๆ ว่า
1) รมช.พม. กำลังอยู่ในสถานการณ์ใหม่…เป็นสถานการณ์ที่มุ่งดับดาวรุ่ง !
2) มีเหตุการณ์แนวโน้มสำคัญ ที่ควรจับตาเช่น การโต้กลับของ ทรท. พลังประชาชน / การเตือนของมิ้ง เลี๊ยบ และดอน / คมช.อ่อนกำลัง / รัฐบาลอยากกลับบ้าน / ภารกิจที่ค้างคา / กฎหมาย พม.ที่ถูกดอง
3) รมช.พม.ต้องเตรียมความคิด เตรียมเครือข่าย เตรียมกลไก และวางบทบาท / จุดยืน / ท่าทีในสถานการณ์ช่วงนี้ให้เหมาะสม
4) – “ไม่ปกป้อง คมช. และรัฐบาล แต่ไม่ให้ร้ายและต้องไม่เกรงใจจนเกินไป”
– “ให้สติ และทางออกแก่สังคมไทยในสถานการณ์ต่อสู้การเมืองอันเข้มข้น”
– “ปลุก / ขยายเครือข่ายพลังที่เป็นอิสระ – เป็นกลาง – ทางสายกลาง”
– “เก็บเกี่ยวงาน พม….Rebranding – Restructuring”
– ใช้ทั้งยุทธศาสตร์ผลักดันและลากจูง ให้ออกกฎหมายเชิงยุทธศาสตร์ให้ได้มากที่สุด
5) กรณีสลัม 4 ภาค…..ต้องแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในฐานะเป็นตัวประกันของกลุ่มผู้นำสลัม 4 ภาค
…..ใช้มาตรการทางการเมือง / สื่อเพื่อโดดเดี่ยวกลุ่มสุดโต่ง
…..หากจำเป็นอาจต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อสกัดแกนนำ
1 กันยายน 2550
– เวลา 07.00 น. เป็นประธานพิธีทำบุญวันเกิดกรม พส. (1 กันยายน 2483) เดิมคือกรมประชาสงเคราะห์, จอมพล ป. เป็นอธิบดีคนแรก (เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยในเวลาเดียวกัน) หลังทำบุญมีแจกรางวัลประกาศนียบัตรข้าราชการดีเด่นของ พม. จำนวน 9 คน และแจกทุนการศึกษาลูกประชาสงเคราะห์ จำนวน 57 ราย
– เวลา 19.00 น. ร่วมงานเลี้ยงเกษียณอายุข้าราชการ ( 170 คน เกษียณอายุ ปี 50) จำนวน 70 คนมาร่วมงานเลี้ยง รมว. / รองนายกฯ ไปเป็นประธาน
ผลงานกฎหมายในช่วง รมว. / รมช.พม. ชุดนี้
1. พ.ร.บ. พม.ที่ออก / ประกาศใช้แล้ว
1) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ม.276 (ข่มขืนหญิง/ชาย), 277 (อาหาร), 288 (ค้าประเวณี) (20 มิ.ย. 2550)
2) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.246, 247 …โทษประหารชีวิต / ลดหย่อนหญิงตั้งครรภ์ (11 ก.ค. 2550)
3) แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1445, 1516, 1447/1 …ช่วยค่าทดแทนจากชายอื่นที่ร่วมประเวณีกับคู่หมั้น (ชาย/หญิง) (11 ก.ค. 2550)
4) พ.ร.บ.การเคหะแห่งชาติ…
5) พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว (ราชกิจจานุเบกษา 14 ส.ค. 2550)
6) พ.ร.บ.พัฒนาคุณภาพชีวิคนพิการ (ส.ค. 2550)
2. พ.ร.บ.ที่อยู่ใน สนช. วาระ 2 – 3
1) พ.ร.บ.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ 2)
2) พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชน
3. พ.ร.บ.ที่อยู่ในขั้น ปนช.
1) พ.ร.บ.ส่งเสริมครอบครัว (*มีร่าง สนช.)
2) พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน (*มีร่าง สนช.)
3) พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ
4) พ.ร.บ.ส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนา
(แนวทาง [ ให้ สนช.เสนอกฎหมาย แล้วใช้วิธีแต่งตั้งกรรมาธิการร่วมพัฒนาตามข้อบังคับ 110 ทั้ง 4 ฉบับ)
4. พ.ร.บ.ที่อยู่ในขั้นตอน สคก.
1) พ.ร.บ.ควบคุมคนขอทาน
2) พ.ร.บ.ควบคุมวัสดุเป็นพิษและพฤติกรรมอันตราย
3) พ.ร.บ.หอพัก
4) พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาต (ไม่น่าจะมีแรงต้าน)
5. พ.ร.บ.ที่อยู่ในขั้น ครม.
1) พ.ร.บ.ส่งเสริมการฟื้นฟูชุมชนและความมั่นคงของมนุษย์ จชต. (จะถอนเรื่องกลับ พม.ไว้ก่อน)
Be the first to comment on "ตอนที่ 53 สกัดดาวรุ่ง "