ตอนที่ 73 อาลัยหมอสงวน

20 มกราคม 2551

——————————————–

สัปดาห์นี้มีทั้งอารมณ์ดีใจ  สนุกสนาน  และเศร้าอาลัยระคนกัน  กลับจากคุนหมิงที่หนาวยะเยือกถึงกรุงเทพที่ร้อนระอุโดยทันทีหลังการเดินทาง 2 ชั่วโมง 

ทำให้ผิวหนังที่แห้งคันระยิบระยับ  ริมฝีปากแตกลอกทุเลาทันที  เข้าประชุมครม.ด้วยความเบิกบาน  รมต.หลายคนพากันสงสัยว่าเรื่องข่าวขรก.ลงชื่อต่อต้านรมช.ทำไมจึงเงียบลงอย่างรวดเร็ว  วาระประชุมครม. มีจำนวน 117 วาระ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์  มีวาระที่กระทรวงพม.เกี่ยวข้องร่วมสิบ  ผลงานเด่นชัด  รมช.พม.แถลงข่าวส่งท้ายกระทรวงพม.และเปิดฉากใหม่ที่ LDI  พรรคการเมืองประกาศจับขั้วตั้งรัฐบาลแล้ว หมอสงวน      นิตยารัมภ์พงศ์ ถึงแก่กรรม คงความอาลัยรักทั่ววงการสาธารณสุขไทย  งานรดน้ำศพที่วัดชลประทานรังสฤษฏิ์มีเจ้าวิทยายุทธ์ไปร่วมชุมนุมกันเพียบ  ตลอดทั้งสัปดาห์เรื่อง Thai PBS สถานีโทรทัศน์สื่อสาธารณะนับเป็นเรื่องร้อนที่สุด 

15 ม.ค.

– 9.00น.  ก่อนประชุมครม.  ไปนั่งรอที่ห้องพักรัฐมนตรี  ทักทายรมต.ทิพาวดี  ผมให้กำลังใจท่านเพราะรู้ว่าวันนี้มีวาระตั้งคณะกรรมการนโยบายชั่วคราว TPBS จะเข้าในขณะที่พนักงาน TITV มาชุมนุมยื่นหนังสือนายกฯก่อนประชุมครม.  รมต.ธีระ  สูตบุตร, รมต.วรากรณ์  สามโกเศศ  และ รมว.ไพบูลย์  วัฒนศิริธรรม ถามข่าวคราวเรื่องปลัดพม.  ผมตอบไปว่าสงบเรียบร้อยแล้ว!

– ประชุมครม.วันนี้มีวาระพิจารณา 37 เรื่องรวมวาระเพื่อทราบและทราบจร  รวมทั้งสิ้น 117 ส่วนที่เป็นเรื่องของ พม. ได้แก่

(1) เห็นชอบ(ร่าง)ระเบียบสำนักส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนา

(2) เห็นชอบ(ร่าง)กฎกระทรวงสนับสนุนการดำเนินการตามพรบ.ความรุนแรงในครอบครัว

(3) ทราบเป็นมติ(ร่าง)กฎกระทรวงเรื่องหลักเกณฑ์การประกอบการกิจการหอพัก

(4)ทราบ  ผลงานรัฐบาลในส่วนพม.

– บ่าย  ไม่มีประชุมผู้บริหารพม.แล้ว 

16 ม.ค.

– 9.00น. ไปบรรยายที่ประชุม Workshop งานวิจัยบูรณาการกองทุนชุมชนระดับอำเภอของ อ.ระพีพรรณ  คำหอม

– 11.00น. นัดแถลงข่าว  เปิดใจรมช.พม.ก่อนหมดภารกิจมีนักข่าวมาจำนวนมาก  ประเด็นหลักที่ผมสื่อสารกับพวกเขา  ได้แก่:

1)งานที่คิดว่าเด่นในรอบ 12 เดือน  คืองานยุทธศาสตร์และงานนโยบายของกระทรวงพม.ที่ริเริ่มใหม่ซึ่งสำเร็จลุล่วงเกินเป้าหมาย

2)พอใจกับผลงานที่ทำในระดับมากถึงมากที่สุด                                         

3)มีสิ่งที่อยากจะฝากสำหรับข้าราชการคือการทำงานด้วยความซื่อสัตย์  และยึดหลักจรรยาบรรณ  ส่งนครม.ใหม่  ขออย่าโกง

4)หลังจากนี้ผมจะกลับไปทำงานเดิม  คือการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและประชาสังคมที่ LDI

ได้ผลครับ  วันรุ่งขึ้นนสพ.อย่างน้อย 8 ฉบับลงสัมภาษณ์โดย  ให้ทิศทางและอารมณ์เดียวกันว่า พลเดชขอรมต.ไม่โกง

– 13.30น. ดร.สุทิน  นพเกตุ, วิภา  และจนท.สำนักงานกรรมการสิทธิ์มาพบปะหารรือการพัฒนาศูนย์คุ้มครองเด็กระดับจังหวัด

– 15.00น. ไปเยี่ยมหมอสงวนที่ รพ.รามาธิบดี  ท่านมีอาการ Hepatic Coma แล้ว  มีอาการ Air Hunger เป็นระยะๆ  แพทย์-พยาบาล น้องๆและเพื่อนฝูงไปเยี่ยมจำนวนมาก  ผมร่วมสวดมนต์ให้ 2 รอบ  มีกลุ่มวงดนตรีสลึงร่วมกันร้องเพลงที่พี่หงวนชอบให้ท่านฟัง

17 ม.ค.

– ไปขอนแก่น  เปิด/บรรยาย Workshop HC  ความสนใจของพมจ.+นายกเทศมนตรีมีค่อนข้างดี  การประกาศของรมช.พม.ที่จะเดินหน้าขับเคลื่อน เทศบาลเข้มแข็ง  เมืองน่าอยู่ 5-10 ปีต่อเนื่อง  งานนี้น่าจะได้ใจผู้นำเทศบาลมาก

– 15.00น. สัมภาษณ์รายการวิทยุสวท.เรื่องความมั่นคงของมนุษย์

– 18.30น. ต้อนรับคณะเยาวชนลุ่มน้ำโขง  ที่เริ่ม Study Tour มาจากคุณหมิง-ผ่านพม่า-ไทย  พิธีเลี้ยงต้อนรับที่รร.ปริ้นซ์พาเลซ  พวกเขาพักกันที่นั่น  มีโปรแกรมไปดู TK Park, พระที่นั่งจักรี, วัดพระแก้ว, มรดกโลกอยุธยา  แล้วเดินทางต่อไปเขมร

18 ม.ค.

– 7.30น.รก.ปพม.เข้าพบรมช.  รายงานให้ทราบผลการคัดเลือก C9 ประมาณ 20 ตำแหน่ง  คณะกรรมการกลั่นกรองเลือกเรียงลำดับ 1,2,3 มาให้สำหรับแต่ละตำแหน่ง  รก.ปพม.เลือกอันดับ1 ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองเสนอมาทั้งหมด  ยกเว้น สสร. 3 แห่ง  และพมจ. 1 แห่ง  โดยเหตุผลว่าอ่อนอาวุโสกว่าลำดับที่2 มาก  และมีประเด็นการเชื่อมโยงปลัดพม.คนเดิมและเคยก้าวข้ามคนอื่นมามากจนเป็นที่ครหานินทา  ผมฟังแล้วเห็นว่ามีหลักการ/มีเหตุผลที่หนักแน่นพอ  จึงลงท้ายหนังสือว่า : “รับทราบ เพื่อรก.ปพม.จะได้ประกาศแต่งตั้งโดยอำนาจของปพม.ต่อไปด้วยความมั่นใจ

– 9.00น. ทีม CSR อวยพรปีใหม่

– 10.00น. ร่วมพิธีแจกรางวัล ประชาธิปไตยสีขาว ที่ทำเนียบรัฐบาล  มีนายกฯสุรยุทธ์เป็นประธานซึ่งสร้างผลสะเทือนหลายอย่าง เช่น สภาเด็กมีสถานภาพเด่นขึ้นมาก, รางวัลปชธต.สีขาวเป็นสัญลักษณ์ของพม.และสภาเด็ก  เล่นเอากระทรวงมหาดไทยต้องรีบให้รางวัลตาม

– 13.30น. เปิดงานวิจัยเยาวชนไทยไม่ทอดทิ้งสังคม  เด็กในโครงการเยาวชน 1000 ทางทำงานวิจัยเสริมโครงการซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี

– 14.30น. เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการคัดเลือกผู้สูงอายุแห่งชาติประจำปี 2551  ซึ่งจะประกาศผล เมษายน

– 16.30น. กำลังนั่งจรดปากกาจะเขียนบทบันทึกถึงพี่หงวน  พอดีมี SMS แจ้งมาว่าท่านถึงแก่กรรมแล้วที่รพ.รามาธิบดี!

– 19.00น. ไปชมการแสดง สยามนิรมิตร ร่วมกับคณะเยาวชน GMS การแสดงอลังการพอสมควร  เทียบได้กับของจีนที่ปักกิ่ง,คุนหมิง  แต่บุคลิกของเราอ่อนช้อย  ในขณะที่ของจีนโลดโผน

19 ม.ค.

– เย็นไปร่วมงานศพ นพ.สงวน  นิตยารัมภ์พงศ์ ที่วัดชลประทานรังสฤษฏิ์  ตั้งศพศาลาเดียวกับหลวงพ่อปัญญา  ซึ่งเพิ่งย้ายออกไปพอดีครบ 100 วันที่มรณภาพ

– พบ นพ.เสม  พริ้งพวงแก้ว, นพ.ประเวศ  วะสี, นพ.อารีย์  วัลยะเสวี, นพ.มงคล  ณ สงขลา, นพ.อุทัย  สุดสุข, นพ.สุรพงษ์  สืบวงศ์ลี, นพ.พรหมมินทร์  เลิศสุริย์เดช  ฯลฯ

20 ม.ค.

– วันอาทิตย์ตอนเช้า  ทำงานเอกสารที่บ้าน

– บ่าย ไปร่วมงานเปิด Para SEAGAMES ที่โคราช  นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน 

– เดินทางโดยเครื่องบิน C130 ของทหาร  จากดอนเมืองไปโคราช  พิธีจัดแบบยิ่งใหญ่และเรียบง่ายสมกับช่วงไว้ทุกข์  แต่เชื่อว่าผู้ชมประทับใจโดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ผมชอบมากคือ  นักร้องศิลปินตาบอดที่ร้องเพลงต้อนรับคณะนักกีฬาทั้ง 11 ประเทศ ด้วยเพลงของแต่ละชาติโดยคล่องแคล่วเป็นธรรมชาติด้วยภาษาสำเนียงจริงๆ

 

สงวน  นิตยารัมภ์พงศ์ :

แบบฉบับของนักยุทธศาสตร์

ในตำนานสาธารณสุขไทย

                                                โดย พลเดช  ปิ่นประทีป

 

 

                                ผมนั่งลงเขียนบทบันทึกฉบับนี้ได้ไม่ถึงสิบนาที เจ้าหน้าที่ผู้ติดตามรัฐมนตรีเข้ามาบอกว่ามี SMS ส่งมาแจ้งข่าวการถึงแก่กรรมของนายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ พี่ที่ผมเคารพรักอย่างสนิทใจที่สุด  ฤๅว่าหัวใจและจิตวิญญาณของเราผูกพันกันมากจนอาจข้ามภพภูมิได้

                                35 ปี   ที่เรารู้จักและร่วมเส้นทางการพัฒนาสาธารณสุข  และปฏิรูปสังคมมาด้วยกัน  พี่หงวน คือแบบฉบับของนักยุทธศาสตร์ซึ่งผมถือเป็นตำราที่มีชีวิตตลอดมา  ท่านคิดในเรื่องที่ใหญ่ และมีเป้าหมายที่ยาวไกลมากจนบางเรื่องผมต้องใช้เวลาเป็นแรมปีกว่าจะตามได้ทัน

                                แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าการคิด คือการที่ท่านเดินยุทธศาสตร์อย่างมีจังหวะจะโคน ธำรงเป้าหมายอย่างมั่นคง และมีกลยุทธ์ในการประสานงานเพื่อบรรลุเป้าหมายโดยมีแรงเสียดทานน้อยที่สุด  พี่หงวน ถือเป็นผู้นำการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบบริการสุขภาพที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ประจักษ์ว่าไม่มีศัตรู มีแต่คนรักนับถือไปทั้งวงการ ทั้งในและนอกประเทศ

 

                                เมื่อครั้งที่พวกเราเป็นนักเรียนแพทย์ ผมจำภาพ พี่หงวน ผู้ไว้ผมยาวทรงรากไทร นุ่งกางเกงขาบานเอวต่ำ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันในหมู่นักศึกษาวัยรุ่นชายสมัยนั้น เราสนใจปัญหาบ้านเมืองเหมือนกัน  แต่ พี่หงวน กับพรรคพวกกลุ่มหนึ่งใฝ่ในเรื่องการถกเถียงทางความคิดและเสนอตัวเข้าไปบริหารองค์การนักศึกษา รวมถึงการประสานเจรจากับอาจารย์และผู้บริหารมหาวิทยาลัย ส่วนพวกผมอีกกลุ่มหนึ่งชอบในการเล่นกีฬาและฟิตซ้อมไปแข่งขันในฤดูกาลต่างๆ โดยที่ทั้งสองฝ่ายผลัดกันเป็นผู้เล่นและผู้เชียร์ให้กันและกันเสมอมา

                                หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519  เราห่างกันไปนานถึง 15 ปี เนื่องจากผมไปหาประสบการณ์ในเขตป่าเขาเสียนาน เมื่อกลับเข้ามาเรียนต่ออีกครั้ง พี่น้องที่ใกล้ชิดจบไปเป็นแพทย์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลกันหมดแล้ว  การทำงานราชการในฐานะแพทย์ชนบทที่กระจายกันอยู่  ทำให้พวกเราห่างกันไปตามกายภาพ  ผมรับทราบความเคลื่อนไหวของชมรมแพทย์ชนบทไม่มากนัก เพราะไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมโดยตรง  ตอนที่ทราบข่าวการรับรางวัลแพทย์ชนบทดีเด่นของ พี่หงวน ก็พลอยชื่นชมยินดีไปด้วย    ในขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณเตือนใจให้ผมรำลึกถึงคุณค่าของความเสียสละเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นคนยากจนในชนบท และความเสมอต้นเสมอปลายของพี่น้องผองเพื่อน

น่าตลกมากที่เราบังเอิญไปพบกันอีกครั้งที่ปราสาทไฮเดลเบิร์ก ประเทศสหพันธรัฐเยอรมนี

เมื่อปี 2534  ผมไปร่วมประชุม World AIDS Conference ที่ Amsterdam    ส่วน พี่หงวน ไปปฏิบัติภารกิจที่มหาวิทยาลัย  Antwerp ประเทศเบลเยี่ยม  โดยเราต่างไปเที่ยวชมปราสาทในวันและเวลาเดียวกัน

                                ผมเริ่มกลับเข้ามาใกล้ชิดกับ พี่หงวน อีกครั้งเมื่อเข้าร่วมกิจกรรม กลุ่มสามพราน เป็นประจำทุกเดือน ตั้งแต่ปี 2538  และโดยเฉพาะเมื่อ พี่หงวน ได้รับคำสั่งจากท่านอาจารย์หมอประเวศ วะสี ให้ไปเอาตัวผมมาจากพิษณุโลกเพื่อดูแลงานของสถาบันและมูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (LDI: Local Development Institute) ในปี 2541 เป็นต้นมา

                                ในเวลานั้นผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า พี่หงวนและอาจารย์ทำอะไรกันอยู่บ้าง ภายหลังต่อมาจึงทราบว่าคนกลุ่มนี้รวมตัวทำงานใหญ่กันมายาวนาน  ในหลายๆเหตุการณ์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนทางสังคม การปฏิรูปการเมือง การพัฒนาระบบสาธารณสุขและการติดตามผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาประเทศที่หมอต่างจังหวัดอย่างผมได้รับรู้ผ่านสื่อมวลชนนั้น  เป็นเรื่องที่คนกลุ่มนี้มีส่วนร่วม ปิดทอง อยู่ข้างหลังพระ  ซึ่งในกระบวนการทำงานของกลุ่ม ก็ พี่หงวน นี่แหละ คือผู้เป็นทั้งมันสมอง เป็นผู้ประสาน เป็นผู้เจรจาต่อรอง เป็นผู้ร่างกฎหมาย  เป็นผู้ออกแบบและจัดตั้งองค์กรหรือสถาบันที่เป็นกลไกทำงานอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ

                                ในปีนั้นเอง สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (LDI) ประสบกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญ  เนื่องจากภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจ 2540  รัฐบาลชวน หลีกภัยได้ตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนทางสังคม (Social Investment Fund : SIF) ขึ้น ที่ธนาคารออมสินโดยใช้เงินกู้จาก World Bank 5,000ล้านบาท  จึงแต่งตั้งไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประธานสถาบัน LDI ไปเป็นผู้จัดการใหญ่ธนาคารออมสิน และแต่งตั้ง เอนก นาคะบุตร เลขาธิการสถาบัน LDI ไปเป็นผู้อำนวยการกองทุน SIF  ทำให้สถาบัน LDI ต้องขาดทั้งประธานและเลขาธิการในทันทีโดยพร้อมกัน   เราสองพี่น้องจึงได้รับคำสั่งจากท่านอาจารย์ประเวศ วะสี ให้มาทำหน้าที่คู่กัน โดย พี่หงวน เป็นประธานสถาบัน  และผมเป็นเลขาธิการสถาบันมาตั้งแต่บัดนั้น

 

                                หลังจากที่ตกลงปลงใจกันแล้ว ท่านอาจารย์ประเวศ วะสี ก็เรียกเราสองคนไปพบและเล็คเช่อร์เป็นการใหญ่ พร้อมกับให้การบ้านว่า ไปคิดมาว่าจะทำอย่างไร 80,000 หมู่บ้าน จึงหายจนและเข้มแข็ง  ซึ่งหลังจากนั้นสามวันผมต้องไปเป็นผู้นำเสนอในการประชุมของผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักมาก่อน โดยมี พี่หงวน คอยให้กำลังใจ  พวกเขาประชุมกันที่บางจากปิโตรเลียมที่มีคุณโสภณ สุภาพงษ์  เป็นผู้จัดการใหญ่  ผมจึงได้รู้จักกับอาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม และ ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นครั้งแรกที่นั่นด้วย

                                หลังการประชุมคืนนั้น พี่หงวน กำชับผมว่า พลเดช, วันนี้ Diagram 4 แผ่นที่เสนอเป็นที่พอใจกันมาก…….เอ็งช่วยกลับไปทำเป็นโครงการที่สมบูรณ์ให้หน่อย  เราจะนำเข้าที่ประชุม กนส. สัปดาห์หน้าเพื่อของบประมาณ

 

                                ในรัฐบาลยุคนั้น เพื่อแก้ข้อกล่าวหาว่า รัฐบาลอุ้มคนรวย ไม่ช่วยคนจน จึงมีการตั้งคณะกรรมการนโยบายสังคมแห่งชาติ (กนส.) ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบทางสังคมอันเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจ    กนส. มีนายกรัฐมนตรี (ชวน หลีกภัย) เป็นประธาน และเลขาธิการสภาพัฒน์ในขณะนั้น (ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล) เป็นเลขานุการ  ผู้ใหญ่ที่คุยกันในคืนนั้นล้วนเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีบทบาทใน กนส. ทั้งสิ้น

                                ก่อนวันประชุม กนส. พี่หงวนต้องทำหน้าที่อธิบายสรุป (Brief)ให้นายกรัฐมนตรีผู้เป็นประธานได้เข้าใจก่อน ซึ่งผมถูกหนีบเข้าไปด้วย เราสองคนไปที่ตึกไทยคู่ฟ้า หมอบ้านนอกอย่างผมตื่นเต้นเป็นพิเศษ พี่หงวน เป็นผู้อธิบายทั้งหมด  โดยมีผมอยู่ข้างๆ

                                โครงการที่นำเสนอเป็นโครงการส่งเสริมประชาคมจังหวัด เพื่อรองรับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในระดับชุมชน    โดยเสนอของบประมาณ 40 ล้านบาท      และให้ดำเนินการโดยผ่านมูลนิธิพัฒนาไท  พูดเสร็จนายกชวนเปรยขึ้นว่า เป็นโครงการที่ดีแต่ทำไมของบประมาณน้อยจัง,หมอหงวน  40ล้านจะพอเหรอ?” พี่หงวน หันมามองหน้าผม จนผมต้องรีบกล่าวเสริมอย่างเรียบๆว่า แค่นี้ก็พอทำงานได้ครับท่านนายก    แต่ในใจขณะนั้นโมโหตัวเองถึงขั้นตบอกผาง!  นึกตำหนิที่ไม่รู้โอกาสว่าตนกำลังเข้ามาช่วยศูนย์กลางอำนาจของประเทศเพื่อคิดและทำงาน โดยไม่รู้ธรรมเนียมอะไรสักอย่าง จึงได้แต่คิดปลอบใจว่าคราวหน้าขอแก้มือใหม่ !

                                เราสองคนพี่น้องเดินออกจากตึกไทยคู่ฟ้า แล้วมานั่งหัวเราะเยาะตัวเองกันพักใหญ่

                                ผมเรียนรู้กระบวนการทำงานของคณะกรรมการแห่งชาติเป็นครั้งแรกโดยมี พี่หงวน เป็นทั้งครูและพี่เลี้ยง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แทบทุกครั้งมีอะไรที่เป็นอุปสรรคปัญหาในการทำงานหรือสถานการณ์บ้านเมือง เราปรึกษาหารือกันเสมอ

 

                                ในฐานะเพื่อนร่วมแนวคิดและการเดินทาง ผมถือว่า พี่หงวน เป็นแบบอย่างของคนทำงานที่ไม่มีขั้ว มีจุดยืนในความเป็นกลางที่มั่นคง มีความเป็นนักวิชาการ นักวางแผน และนักบริหารมืออาชีพ เป็นผู้ที่เดินแนวทางสายกลาง ไม่สุดโต่ง ทำให้ท่านสามารถทำงานยุทธศาสตร์เพื่อคนส่วนใหญ่ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้ว่าจะเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาหรือเปลี่ยนฝ่ายการเมืองคนแล้วคนเล่าก็ไม่กระทบกระเทือน

                                พี่หงวน เป็นผู้ที่มีความอดกลั้นอดทนอย่างสูงจนหาผู้เสมอเหมือนได้ยาก ในฐานะผู้เชื่อมประสาน ผมเข้าใจสภาพของท่านเป็นอย่างดี เพราะการดูแลเครือข่ายที่มีผู้คนหลากหลายให้เคลื่อนไปข้างหน้าร่วมกันนั้น  ผู้ทำหน้าที่ต้องรองรับแรงกดดันสารพัดเรื่องราว แต่ด้วยคุณสมบัติพิเศษดังกล่าว   ท่านจึงประสบความสำเร็จในการนำการปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องยาก  และความสำเร็จในงานใหญ่ โดยปราศจากศัตรูคู่อาฆาต  อันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า

 

                                พี่หงวน คือ ผู้นำขบวนการปฏิรูประบบบริการสุขภาพ ที่จารึกอยู่ในหัวใจของพวกเราตลอดกาล

Be the first to comment on "ตอนที่ 73 อาลัยหมอสงวน"

Leave a comment

Your email address will not be published.