ข้อเสนอนโยบายเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย

ข้อเสนอนโยบายเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย

พลเดช  ปิ่นประทีป / 27 พฤศจิกายน 2556

(เขียนให้โพสต์ทูเดย์ฉบับ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2556)

 

      ณ วันที่เขียนบทความนี้ ฉากทรรศน์ของสถานการณ์บ้านเมืองที่ศูนย์อำนาจส่วนกลาง คงมีโอกาสที่จะเป็นไปในสี่แบบ ได้แก่ แบบที่ 1 รัฐบาลลาออกหรือถูกให้ออกจากแรงกดดัน หรือจากอำนาจองค์กรตรวจสอบและศาล  แบบที่ 2 รัฐบาลใช้อำนาจยุบสภาในภาวะจำยอม  แบบที่ 3 รัฐบาลสามารถประคองตัวอยู่ได้ต่อไป แต่กลายเป็นเป็ดง่อย บริหารงานแบบเดิมได้ลำบาก  แบบที่ 4 เกิดความรุนแรงที่อาจก่อหวอดไปจากฝ่ายหนุนรัฐบาลไม่พอใจผลการตัดสินของศาลหรือองค์กรตรวจสอบหรือจากกระแสฝ่ายต่อต้านที่ไม่ยอมหยุด จนนำไปสู่การมีรัฐบาลเฉพาะกาล

 

ข้อเสนอนโยบายเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของสาระการประชุมระดมสมองในเวทีภาคีพัฒนาประเทศไทยครั้งที่ 2 (ภาคเช้า) 29 พฤศจิกายน 2556 ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลปัจจุบันจะนำไปใช้ หรือกลุ่มอำนาจใหม่ที่จะขึ้นมาบริหารประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน  มี 7 ประการ ดังนี้

1.ปฏิรูปใหญ่ระบบการเมืองการปกครอง

จัดกระบวนการสร้างเป้าหมายและหลักการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันทั้งภาคประชาสังคม ธุรกิจ พรรคการเมืองทุกขั้ว ข้าราชการ องค์กรปกครองท้องถิ่นและฝ่ายวิชาการ

ดำเนินการปฏิรูปรัฐธรรมนูญครั้งที่สอง โดยออกแบบกติกา กลไกและระบบ การเมืองการปกครองให้สอดคล้องกับเป้าหมายและหลักการร่วม โดยให้เวลาและความสำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้และมีส่วนร่วมของพลเมืองอย่างจริงจังสัก 2-3 ปี ก่อนที่จะมีการลงประชามติรับรอง

ซึ่งมีประเด็นท้าทายที่สังคมไทยต้องหาคำตอบและข้อตกลงร่วมกัน อาทิ

·    เป้าหมายและหลักการปกครอง

·    พระมหากษัตริย์เป็นประมุขและสัญลักษณ์ 

·    การแยกอำนาจที่ชัดเจนระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ

·    การเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง

·    รัฐสภาระบบคู่และที่มาของ สส./สว.

·    อำนาจตรวจสอบขององค์กรอิสระ

·    การยกเลิกหน่วยราชการส่วนภูมิภาค

·    การปฏิรูประบบงบประมาณสำหรับลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมระดับพื้นที่ (งบ 5% สำหรับจังหวัดจัดการตนเอง)

·    การปฏิรูประบบการปกครองท้องถิ่น

·    การคืนอำนาจให้ชุมชนจัดการตนเองในด้านต่างๆ

 

2.ขับเคลื่อนพลังทั้งสังคมเพื่อปฏิรูประบบป้องกันและปราบปรามการทุจริต  อาทิ

 

·    ออก พ.ร.บ.จัดตั้งกองทุนสนับสนุนบทบาทภาคพลเมืองในการป้องกันและแก้ปัญหาทุจริต

·    ให้สรรพากรร่วมมือกับ ปปช.ในการใช้มาตรการทางภาษีย้อนหลัง

·    แก้ไข พ.ร.บ.เพื่อยุบรวม ปปท.เข้าไปไว้กับ ปปช.หรือ สตง.

·    ออกระเบียบห้ามมิให้ อัยการและ ขรก.ที่เป็นกรรมการโดยตำแหน่งใน รสก.หรือบริษัท รับค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์จากองค์กรนั้นๆ

·    รัฐบาลและกระทรวงทุกกระทรวงจักต้องประกาศนโยบายรูปธรรมในการป้องกันและปราบปรามทุจริตในหน่วยงานตนอย่างเฉียบขาด เป็นแบบอย่างแก่สังคม

·    สนับสนุนการปฏิรูประบบบริหารจัดการคดีที่คั่งค้างในสำนักงาน ปปช.

 

·    ทบทวนและปฏิรูประบบการดำเนินงานเม็กกะโปรเจ็คเพื่อสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจแก่สังคม อาทิ โครงการคมนาคม 2.2 ล้านล้าน  โครงการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน โครงการจำนำข้าว

 

 

3.ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ ป้องกันทุนสามานย์ผูกขาด  อาทิ

 

·    ปฏิรูประบบการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันการผูกขาดของทุนสามานย์ สำรวจและทบทวน นโยบาย กฎหมายและโครงการที่เข้าข่ายการผูกขาดการค้าและการลงทุนอย่างจริงจัง

·    ปฏิรูปทุน ให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงทุนในระบบมากขึ้น สนับสนุนบทบาทสหกรณ์ กลุ่มออมทรัพย์ และกองทุนที่รัฐจัดตั้งขึ้น จัดตั้งธนาคารแรงงาน

·    ปฏิรูปแรงงานภาคอุตสาหกรรม เพิ่มค่าจ้าง เพิ่มสวัสดิการและเพิ่มผลิตภาพ

·    ปฏิรูประบบการจัดการแรงงานต่างชาติ ทะเบียน การเสียภาษี การคุ้มครองสิทธิ์ สวัสดิการ (ยกเว้นหลักประกันการมีงานทำ) และสิทธิในการเลือกตั้งท้องถิ่นในบางระดับ

·    ปฏิรูประบบสัมปทานเหมืองแร่ ทั้งบนบกและชายฝั่ง และอุตสาหกรรมการลงทุนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ กำกับดูแล รับผลประโยชน์จากเหมืองแร่ทุกชนิดในพื้นที่ แลกกับผลกระทบที่ต้องแบกรับ

 

·    ปฏิรูประบบงาน EIA/EHIA  ใหัชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมอย่างสำคัญ สนับสนุนอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงโครงการลงทุนอื่นๆ ของภาคเอกชนด้วย

 

 

4.ปฏิรูปการบริหารจัดการที่ดินและการเกษตร เพื่อสังคมที่เป็นธรรม  อาทิ

 

·    ปฏิรูปการบริหารจัดการที่ดิน  ผลักดันกฎหมายที่ดินเพื่อคนจนจำนวน 4 ฉบับ คือ 1. (ร่าง) พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรพ.ศ….2.(ร่าง)พ.ร.บ.ธนาคารที่ดินพ.ศ…..3.(ร่าง) พ.ร.บ.ภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้าพ.ศ….และ 4.(ร่าง) พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม พ.ศ………

·    ปฏิรูประบบการเกษตรอย่างครบวงจรเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เป้าหมายคือ การเกษตรกรมีหลักประกันและมีสุขภาวะ  ผู้บริโภคมีความปลอดภัยและมีทางเลือก  ทั้งในด้านที่ดินทำการเกษตร ระบบชลประทาน เงินทุน ความรู้เทคโนโลยี พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ ปุ๋ย สารเคมี การควบคุมสารพิษ ไซโล ลานตาก การแปรรูป การตลาดและการประกันราคาสินค้าเกษตร

 

·    ปฏิรูประบบการดูแลฐานทรัพยากรดิน น้ำ ป่า จัดทำ GIS ที่ดินสาธารณะรกร้างว่างเปล่าและป่าชุมชนทั่วประเทศ 30 ล้านไร่ให้ชัดเจน เฝ้าระวังมิให้ใครนำไปครอบครองเป็นสมบัติส่วนตัว แต่สนับสนุนให้มีการจัดการในเชิงสมบัติสาธารณะที่ชุมชนท้องถิ่นดูแลรักษาและใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างป็นธรรมและยั่งยืน

 

·    สร้างความสมดุลและเข้มแข็ง ทั้งเกษตรพอเพียงและเกษตรเชิงพาณิชย์-อุตสาหกรรม เกษตรเพื่อความมั่นคงทางอาหารและเพื่อการพึ่งตนเองทางพลังงาน โดยกำหนดสัดส่วนเกษตรเพื่อความมั่นคงทางอาหารร้อยละ 70 และเพื่อการพึ่งตนเองทางพลังงานร้อยละ 30 จัดระบบการโซนนิ่งพื้นที่การเกษตร ระบบชลประทาน ระบบพันธะสัญญาที่เป็นธรรม ระบบการแปรรูปที่ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วม

 

5.ปฏิรูประบบยุติธรรม  อาทิ

 

·    ปฏิรูประบบงานตำรวจ   ถ่ายโอนงานตำรวจแห่งชาติสู่ระบบตำรวจท้องถิ่น  โอน สตช.ไปขึ้นกับกระทรวงยุติธรรมและให้มีส่วนงานเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เช่นสันติบาล ปราบจราจล สืบสวนกลางและกองปราบ นิติเวชและ รพ.ตำรวจ ปฏิรูปโครงสร้าง องค์ประกอบและศักยภาพกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในทุกระดับโดยเฉพาะคณะกรรมการสถานีตำรวจชุมชน  จัดให้มีองค์กรอิสระในการรับเรื่องร้องทุกข์ร้องเรียนตำรวจ  พัฒนาระบบกำลังคนและวิชาชีพด้านการสอบสวน 

·    ปฏิรูประบบงานอัยการ   ยกเลิกระบบงานอัยการสูงสุด เปลี่ยนเป็นสำนักงานอัยการโดยโอนไปขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม ให้อัยการมีบทบาทในการบริหารงานยุติธรรมอย่างเต็มตัว เพื่อลดจำนวนคดีที่ขึ้นสู่ศาลและราชทัณฑ์

 

·    ปฏิรูประบบการลงโทษคดีอาญา  ลดโทษอาญา เพิ่มกระบวนการไกล่เกลี่ย เน้นโทษปรับที่เหมาะสมตามความผิดแทนการจำคุก 

 

 

 

6.ปฏิรูประบบความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ  อาทิ

 

·  ทบทวนทิศทางนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลดระบบรวมศูนย์การวางแผน การตัดสินใจ การสั่งการดำเนินการและการพึ่งพาแหล่งผลิตพลังงานขนาดใหญ่ที่ต้องนำเข้าเชื้อเพลิงและเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพิ่มระบบการกระจายศูนย์มากขึ้น  จัดความสมดุลของแหล่งที่มาของพลังงานที่หลากหลาย ให้ครอบคลุมความมั่นคงพลังงาน ทั้งในด้านเชื้อเพลิง ไฟฟ้า และการคมนาคมขนส่ง

·    ออก พ.ร.บ.สนับสนุนระบบพลังงานชุมชนท้องถิ่น พลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ ลมและชีวมวล

·    ปฏิรูประบบและโครงสร้างความสัมพันธ์ในอำนาจการจัดการและผลประโยชน์ระดับต่างๆ ระหว่างชุมชนท้องถิ่นและส่วนกลาง อันเกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและกิจการพลังงาน

·    ทบทวนนโยบายราคาพลังงานไฟฟ้า แก็ส น้ำมันเชื้อเพลิง ให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชนผู้บริโภค ในมาตรฐานกลุ่มประเทศอาเซียน

 

7.ปฏิรูประบบการเรียนรู้และการจัดการศึกษา  อาทิ

 

·    ส่งเสริมบทบาทภาคประชาสังคมและชุมชนท้องถิ่นให้เข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษาของท้องถิ่น

·    ปรับปรุงมาตรการการคลังและวิธีการจัดสรรงบประมาณทางการศึกษาไปสู่ฐานชุมชนท้องถิ่นตามตัวผู้เรียน

·    ปรับปรุงการศึกษาพื้นฐาน อาชีวะศึกษา อุดมศึกษา การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ที่สมดุล หลากหลาย มีทางเลือก

·    พัฒนาการศึกษาและระบบดูแลกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ คือ กลุ่มแรงงาน กลุ่มลูกหลานเกษตรกร เด็กแรงงานต่างด้าว เด็กนอกระบบการศึกษา เด็กด้อยโอกาส เด็กยากจน

·    ทบทวนระบบเงินกู้ยืมทางการศึกษา

·    ส่งเสริมการศึกษาเพื่อการมีงานทำ เน้นทักษะทางอาชีพที่จำเป็น

Be the first to comment on "ข้อเสนอนโยบายเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย"

Leave a comment

Your email address will not be published.