พักยกหรือเปลี่ยนเกม

พักยกหรือเปลี่ยนเกม

พลเดช  ปิ่นประทีป  /  เขียนให้โพสต์ทูเดย์ วันพุธที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๖

 

 จู่ๆ การต่อสู้ระหว่างกลุ่มต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มีกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.เป็นแกนนำ กับกองกำลังตำรวจที่ทำหน้าที่ปกป้องรัฐบาลก็หยุดลงเสียดื้อๆ  เล่นเอาทั้งนักเคลื่อนไหว ทั้งมวลชนและกองเชียร์ฝ่ายต่อต้านต่างมึนงงและพาลอารมณ์ค้างกันไปไม่น้อย

 

ทางฝ่ายรัฐบาลเองนับว่าโชคยังเข้าข้างอยู่มาก เพราะตลอดทั้งยกที่ผ่านมาได้เดินหมากผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเกือบถูกน็อค  ก็ด้วยความที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ทักษิณคิด-พรรคเพื่อไทยทำ ประมาทหน้าว่าประชาชนเป็นพวกไทยเฉย กลุ่มต่อต้านไม่มีน้ำยา  ม็อบจุดเท่าไรก็ไม่ติด พรรคฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้

จากกรณีจำนำข้าว จัดการน้ำ รถไฟความเร็วสูง คลิปถั่งเช่า แก้ไขรัฐธรรมนูญ และในที่สุด กรณีนิรโทษกรรมคนโกงแบบเหม่าเข่งได้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ไปกระตุ้นต่อมคุณธรรมจริยธรรมของสังคม อันปกติแล้วอยู่ในสภาพอ่อนระโหยโรยแรง ให้กลับลุกฮือออกมาต่อต้าน จนลุกลามไปทั่วประเทศอย่างไม่มีใครคาดคิด รัฐบาลถึงขั้นตั้งตัวไม่ติด ซ้ำยังมาพลาดท่าใช้อารมณ์ชั่ววูบไปตั้งโต๊ะออกแถลงการณ์ปฏิเสธศาลรัฐธรรมนูญและดูหมิ่นถิ่นแคลนกฎหมายสูงสุดของประเทศเข้าไปอีก บ่วงที่ตัวเองสร้างจึงรัดคอจนเกือบหมดลมหายใจ

เสียงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบด้วยมโนธรรมสำนึกพื้นฐาน หรือการยุบสภาเพื่อเปิดทางให้ประชาชนเลือกตั้งเปลี่ยนกระดานกันใหม่ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้รับความใส่ใจจากนายกรัฐมนตรีและไม่เป็นที่สบอารมณ์ของนายใหญ่ตัวจริงที่อยู่แดนไกล การประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าจนทางออกต่างๆ ถูกปิดไปจนเกือบหมด  ทำให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลประกาศเดินหน้าชูธงปฏิวัติประชาชนแบบเต็มลูกสูบ ความรุนแรงจึงมาจ่ออยู่ที่ประตูบ้าน

เหตุการณ์ปะทะกันบริเวณสนามกีฬาราชมังคลาที่ทำให้นักศึกษาเสียชีวิต ๔ คนและบาดเจ็บร่วมครึ่งร้อยยิ่งทำให้สถานการณ์ตรึงเครียดหนัก การบุกเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนราชการทั้งในกรุงเทพฯ และศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศด้วยกระบวนการอารยะขัดขืน สันติวิธี และปราศจากอาวุธ  มาปะทะกับมาตรการแก้สน้ำตา กระสุนยางและการยืนหยัดป้องกันการบุกยึดสถานที่สำคัญของทางราชการของฝ่ายตำรวจ เมื่อประกอบเข้ากับการถ่ายทอดสดทางทีวีและโซเชียลมีเดียแบบเรียลลิตี้โชว์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ยิ่งทำให้ภาพความรุนแรงกระจายเสียงแพร่ภาพออกไปจนไร้การควบคุม  เป็นที่หวาดวิตกของผู้เกี่ยวข้องในทุกวงการ

ในที่สุดผลจากความพยายามในกระบวนการเจรจาหาทางออกก็เริ่มปรากฏผล การพักยกจึงเกิดขึ้นด้วยเหตุผลของการจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นอีก ในเมื่อธงของ กปปส.มุ่งปฏิวัติประชาชนและกำจัดสิ่งที่เรียกว่าระบอบทักษิณให้หมดสิ้นแผ่นดินไทย รวมทั้งการเดินหน้าการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ในขณะที่รัฐบาลตัวแทนและนายกรัฐมนตรีคนเดิมก็ยังคงอยู่อย่างครบถ้วนอย่างนี้

อันที่จริงแม้ว่าการต่อสู้กันยังไม่ทันชี้ขาดว่าจะไปทางไหนแน่และการที่สังคมยังไม่ถึงขั้นแตกหักไปในการสู้รบก็ดีไปอย่างหนึ่ง เพราะรัฐบาลที่รอดพ้นมาก็ได้เรียนรู้จากวิกฤต  ต่อไปนี้ทำอะไรก็จะระมัดระวังมากขึ้น คำนึงถึงกระแสความตื่นตัวและรู้เท่าทันของพลเมืองตลอดเวลา นโยบายที่ประชาชนอยากได้จะได้รับการตอบสนอง

เพื่อประโยชน์สุขของสังคมไทยและประเทศอันเป็นที่รักของเราทุกคน ผมมีข้อเสนอในเชิงแนวคิดแนวทางบางประการให้พิจารณา

๑.ให้โอกาสรัฐบาลทำงานเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดและพิสูจน์ตัวเอง

สังคมควรให้โอกาสแก่รัฐบาลในการบริหารประเทศต่อไปตามเงื่อนไขของวาระการทำงานอีกปีเศษหรือตามครรลองของคดีความที่กระทำผิดอันค้างคาอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรตรวจสอบอิสระที่เกี่ยวข้อง  โดยไม่ว่าจะระยะเวลาจะสั้นหรือยาวรัฐบาลต้องทำความดีเพื่อชดเชยและเป็นการเรียกศรัทธากลับคืนให้ได้มากที่สุด

การที่สังคมและฝ่ายต่อต้านให้โอกาสแก่รัฐบาลนั้นมิได้เป็นการสูญเสียโอกาสในการเผด็จศึก แต่เป็นการแสดงน้ำใจและสร้างเงื่อนไขใหม่ในการตรวจสอบควบคุมการทำงานของรัฐบาลได้มากกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ให้เวลาแก่สังคมไทยในการเรียนรู้ระบบประชาธิปไตย ธรรมาภิบาลและประชาสังคมไปพร้อมกัน

๒.ให้สัตยาบรรณ หรือ สัญญาประชาคม

เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจว่า รัฐบาลและฝ่ายต่อต้านจะทำในสิ่งที่สำคัญอันเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งเฉพาะหน้าและการปฏิรูประบบและโครงสร้างให้เกิดความเข้มแข็งในระยะยาว  เสนอว่าควรมีการลงนามสัตยาบรรณและ/หรือประกาศเป็นสัญญาประชาคมว่าจะทำในสิ่งต่อไปนี้ อาทิ

    รัฐบาลจะทบทวนโครงการที่ประชาชนมีความกังขาเหล่านี้ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ได้แก่ โครงการจัดการน้ำ๓.๕ แสนล้านบาท  โครงการจำนำข้าว  และโครงการเงินกู้ ๒.๒ ล้านล้านบาทเพื่อรถไฟความเร็วสูง

    ทุกพรรคการเมืองและทุกฝ่ายจักให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปประเทศไทยในฐานะที่เป็นระเบียบวาระแห่งชาติ โดยถือเป็นประเด็นที่อยู่เหนือผลประโยชน์ของพรรค ใครมาเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ต้องร่วมกันทำอย่างต่อเนื่อง มีปัญหาอุปสรรคก็จะช่วยกันหาทางแก้ไข

    ทุกพรรคการเมืองและฝ่ายต่างๆ จักให้ความเคารพต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐  (ตราบใดที่ยังคงเป็นกฎหมายสูงสุด) และจักปฏิบัติตามคำสั่งศาลในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยไม่บิดพลิ้ว

 ๓. รวมพลังทุกฝ่ายเดินหน้าปฏิรูปประเทศ

รัฐบาลจัดตั้งกลไกคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และสำนักงานสนับสนุนการปฏิรูปประเทศไทยโดยออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  กำหนดกรอบประเด็นการปฏิรูปที่ชัดเจนในเรื่องที่สำคัญ มีโรดแม็ป มีงบประมาณสนับสนุนการทำงานและออกแบบกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคพลเมืองทุกฝ่ายทุกขั้วอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพลเมืองหรือสมัชชาปฏิรูปที่ที่ทุกฝ่ายยอมรับในความเหมาะสม โดยให้มีระยะเวลาทำงานที่ต่อเนื่องอย่างน้อย ๓-๕ ปี

Be the first to comment on "พักยกหรือเปลี่ยนเกม"

Leave a comment

Your email address will not be published.