วันก่อน ผมได้พบปะประชุมร่วมกับภาคีเครือข่ายนักวิชาการที่ร่วมบุกเบิก พัฒนาและขับเคลื่อนงานประเมินผลกระทบด้านสุขภาพมาด้วยกันกับ สช. จำนวน 35 คน พวกเขามาจาก 15 สถาบันการศึกษาที่อยู่ต่างภูมิภาคกัน เราเรียกคณะทำงานวงนี้ว่า HIA Consortium ครับ
ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จู่ๆก็ปรากฏมีข่าวสื่อมวลชนในทำนอง…”ฉาวอีก!จนท.อัตราจ้าง กขป.เขต8 ร้องเงินเดือน3หมื่น ถูกหัวหน้ารีดคืน1.5หมื่น/เดือน แฉเป็นเหมือนกันทั่วประเทศ”
ระหว่างวันที่ 6-9 มีนาคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสร่วมคณะกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปเป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขไทย กับกระทรวงสุขภาพและการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ แห่งประเทศสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
หลังจากที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ได้เชิญเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและเลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปหารือพร้อมกัน ถึงปัญหาสถานการณ์กระแสสังคมที่อ่อนล้าต่อขั้นตอน-กระบวนการปฏิรูปประเทศอันยืดเยื้อ (Reform Fatigue)
ในขณะเวลานี้ ต้องถือว่า กระบวนการจัดทำแผนการปฏิรูป 11 ด้านและยุทธศาสตร์ชาติ 6 กลุ่ม ได้มาถึงขั้นตอนที่สามารถมองเห็นเป้าหมายที่เป็นรูปเป็นร่างอย่างมากแล้ว
ในช่วง 7 ปี ก่อนมี พรบ.สุขภาพแห่งชาติ ระหว่างที่มีการผลักดัน พรบ.สุขภาพแห่งชาติ เรามุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจใหม่แก่สังคมเรื่อง “สุขภาพมิติกว้าง” และย้ำแนวทางใหม่ “สร้างนำซ่อม” ในขณะเดียวกันต้องมุ่งสร้างกระแสกดดันทางสังคมให้รัฐบาลออกเป็นกฎหมาย เพื่อเป็นเครื่องมือใหม่ของสังคม
ซื่อตรง เที่ยงธรรม (I- Integrity and Righteousness) เป็นค่านิยมหลักประการหนึ่งของ สช. ตามที่เรียกขานจดจำกันง่ายๆว่า S-O-C-I-A-L
ผลจากการทำงานหนักของพนักงานและผู้บริหารทุกคนในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้การเดินทางตามแผนงานหลักฉบับที่ 3 ของ สช. สามารถทำระยะทางมาได้ค่อนข้างไกล
ในเวทีวิชาการ 10 ปี พรบ. สุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 มีภาคีเครือข่ายสุขภาพจากทั่วประเทศและสื่อมวลชนมาร่วมงานกันอย่างอบอุ่นคึกคัก จนแน่นห้องประชุมสถาบันจุฬาภรณ์ ทำให้เวทีเกิดพลังแห่งความหวังและจินตนาการที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า
ทิศทางการพัฒนางานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นการคิดดังๆ ว่า ควรที่จะปฏิรูประบบการจัดกลุ่มเครือข่ายกันอย่างจริงจังเพื่อเพิ่มความเป็นเจ้าของและการมีส่วนร่วมในเชิงคุณภาพ
ในภาพรวมผลการปฏิบัติงานของ สช. ภายใต้การปริหารงานของ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ในปีที่ 1
ไปร่วมประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกเป็นครั้งแรกในเที่ยวนี้ (WHA 70) ผมตั้งคำถามไปจากบ้านว่าจะไปหาคำตอบเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งก็ได้ทั้งข้อมูล ความรู้และประสบการณ์ตรงที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนางานของสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติของเรา (NHA)