ถึง เครือข่ายผู้นำองค์กรชุมชน ภาคประชาสังคมและเครือข่ายท้องถิ่น-ท้องที่วิถีใหม่ ทุกจังหวัด.

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม กองทัพตอลีบานบุกเข้ายึดกรุงคาบูลได้ ขับไล่รัฐบาลและกองกำลังต่างชาติออกไป ประกาศเปลี่ยนชื่อประเทศ มุ่งการปกครองแบบรัฐอิสลามอย่างเต็มรูปแบบ
ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 16 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ชาห์ เพื่อถวายหนังสือลาออกของรัฐมนตรีทั้งคณะ ภายหลังเผชิญความวุ่นวายทางการเมืองมาหลายเดือนจนขาดเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ในรัฐสภา
ในกรุงเทพมหานคร รัฐบาลและประชาชนทั่วประเทศกำลังเผชิญปัญหาที่หนักหน่วง ในเรื่องการระบาดของโควิด 19 มีผู้ป่วยสะสมใกล้หลักล้าน ผู้ป่วยใหม่เกิน 20,000 ตายเกิน 200 คนต่อวัน ส่วนการฉีดวัคซีนพยายามเร่งรัดกันอย่างเต็มที่ ได้จำนวนถึง 24 ล้านโด้สแล้ว
ขณะเดียวกัน ตามท้องถนนในกรุงเทพฯ ย่านดินแดง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แยกราชประสงค์ มีการชุมนุมและก่อความรุนแรงอยู่ทุกวัน โดยกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเจ้าประจำ ในหลากหลายชื่อเรียก ต่อเนื่องเรื่อยมาตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม มุ่งทำบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลทุกวิถีทาง ประสานกับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีกหลายคน หวังทำลายเครดิต ให้เกิดภาพพจน์เป็น “รัฐที่ล้มเหลว”และกดดันเรียกร้องให้รัฐบาลยอมแพ้และลาออกไป
ในการแก้ปัญหาการชุมนุมและการก่อเหตุร้ายรายวัน คงต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องจัดการกับม็อบก่อกวนที่มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองเหล่านี้ ด้วยยุทธวิธีที่เหมาะสมและจริงจัง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและระบบนิติรัฐ ให้เป็นขื่อแปของบ้านเมือง
ขณะเดียวกัน ที่รัฐสภาก็ถึงเวลาที่จะต้องมีการพิจารณาญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 2 และ 3 อันสืบต่อมาจากการพิจารณารับหลักการในวาระที่ 1 ไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งคราวนั้นรัฐสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดหนึ่งไปทำการศึกษาและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม บัดนี้กำลังจะนำกลับมาเสนอให้ที่ประชุมใหญ่รัฐสภา พิจารณาลงมติให้จบสิ้นกระบวนการทางนิติบัญญัติ
เท่าที่อ่านรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พบว่ายังมีประเด็นที่ไม่ลงตัวอีกมาก โดยสังเกตุได้จากการมีผู้ขอแปรญัตติและสงวนคำแปรญัตติเป็นจำนวนมาก ร่วม 20 ราย ซึ่งก็หมายความว่า ในการประชุมใหญ่ของรัฐสภาในวันที่ 24-25 สิงหาคมนี้ น่าจะมีการต่อสู้ทางการเมืองในสภากันอย่างดุเดือด ทั้งการอภิปราย โต้เถียงและหักล้างกัน และการลงมติ ที่จะโหวตเป็นรายมาตราในวาระที่ 2 รวมทั้งการแสดงจุดยืนและตัดสินใจของ ส.ว. 250 คน ในวาระที่ 3 ว่าจะเห็นชอบให้ผ่านร่างฯทั้งฉบับ หรือไม่
เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของตัวผมเองและเพื่อน ส.ว. อย่างทันต่อสถานการณ์ จึงใคร่ขอความคิดเห็นจากทุกท่านในเครือข่ายผู้นำองค์กรชุมชน ภาคประชาสังคมและเครือข่ายท้องถิ่น-ท้องที่วิถีใหม่ ทุกจังหวัด รวมทั้งผู้สนใจภายนอก ช่วยกรุณาให้ข้อมูลตามความคิดเห็นมุมมองส่วนตัว มี 3 คำถาม ดังนี้
1. ท่านเห็นด้วยกับสัดส่วน สส.เขต/สส.บัญชีรายชื่อ แบบใด.
1) 350/ 150 (แบบปัจจุบัน)
2) 400/100 (แบบที่ผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 1 )
3) 375/ 125 (แบบที่มีผู้สงวนคำแปรญัตติเอาไว้)
2. ท่านเห็นด้วยกับระบบบัตรเลือกตั้งแบบใด
1) บัตร 1 ใบ 2 ระบบ (เป็นระบบคะแนนเสียงไม่ทิ้งน้ำ แบบปี 2562)
2) บัตร 2 ใบ 2 ระบบแยกกัน (เป็นแบบเลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ใช่ เหมือนรัฐธรรมนูญ 2540,2550)
3) บัตร 2 ใบ 2 ระบบแบบผสมผสาน (ระบบจัดสรรปันส่วนผสม, Mixed-Member Proportional, MMP)
3. ท่านเห็นด้วยกับการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบใด.
1) เขตขนาดเล็ก มี ส.ส. 1 คน/ 1 เขต (แบบที่ใช้มาตั้งแต่ 2540 จนถึงปัจจุบัน)
2) เขตขนาดใหญ่ มี ส.ส. 2-3 คน/ 1 เขต (แบบที่เคยใช้ในอดีต ก่อนรัฐธรรมนูญ 2540)
นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป
สมาชิกวุฒิสภา / 19 สิงหาคม 2564.