รายงานประชาชน โดย ส.ว.พลเดช (ฉบับที่ 109) “ปฏิรูปการศึกษา อีกสักที”

การปฏิรูปการศึกษา มุ่งยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและปฏิรูประบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

รายงานประชาชน โดย ส.ว.พลเดช (ฉบับที่ 109) “ปฏิรูปการศึกษา อีกสักที”

มีเป้าหมายให้ผู้เรียนทุกกลุ่มวัยได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน มีทักษะที่จำเป็นของโลกอนาคต สามารถแก้ปัญหา ปรับตัว สื่อสาร และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผล มีวินัย มีนิสัยใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต และเป็นพลเมืองที่รู้สิทธิและหน้าที่ มีความรับผิดชอบ และมีจิตสาธารณะ

ในแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา  กำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายในปี 2565 เอาไว้ 6 ประการ ได้แก่

  1. มีและใช้ระบบวัดประเมินผล ที่มุ่งเน้นเพื่อพัฒนาผู้เรียน
  2. สัดส่วนประชากรนอกระบบการศึกษา วัยเรียนระดับการศึกษาภาคบังคับ (ป.1 – ม.3) อายุ 6 – 14 ปี ไม่เกินร้อยละ 5
  3. มีเครื่องมือสำรวจความพร้อมของเด็กปฐมวัยในการเข้าสู่การศึกษาระดับประถมศึกษา
  4. ครูอาชีวะได้รับการพัฒนาประสบการณ์อาชีพในสถานประกอบการ ครูฝึกในสถานประกอบการได้รับการพัฒนาทักษะการสอนงานและวัดประเมินผล เพิ่มเติม
  5. มีระบบการคัดเลือกเข้าศึกษาโดยวิธีการเทียบโอนประสบการณ์ ความรู้ มีระบบ Credit bank ที่สามารถให้คุณวุฒิฉบับย่อกับผู้เรียน และสะสมเพื่อเทียบโอน ใช้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาระดับปริญญาได้
  6. มีการนำกรอบมาตรฐานสมรรภถนะวิชาชีพครูไปใช้

สำหรับกิจกรรม โครงการที่ส่งผลกระทบสำคัญ (Big rocks) และตัวชี้วัดเป้าหมายที่ประชาชนควรติดตามเอาใจช่วย ได้แก่

1. สร้างโอกาสความเสมอภาคทางการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัย

  • อัตราการเข้าเรียนสุทธิระดับก่อนวัยเรียน 80%  ระดับประถมศึกษา 95%  ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น90%  ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า 70%  และระดับอุดมศึกษา 35%
  • สัดส่วนประชากรวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษาในระดับการศึกษาภาคบังคับ (ป.1 – ม.3) อายุ6- 14 ไม่เกิน ร้อยละ 5
  • มีระบบการบูรณาการการจัดการข้อมูลสารสนเทศของเด็กและเยาวชน ด้วยเลขบัตรประชาชน ๑๓ หลัก รวมทั้งงบประมาณ ตัวชี้วัด และนโยบาย
  • พัฒนาเครื่องมือสำรวจความพร้อมของเด็กปฐมวัย และเครื่องมือประเมินศักยภาพด้านการอ่านและคณิตศาสตร์ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของประชากรวัยแรงงาน

2. พัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21

  • หลักสูตรการศึกษาที่ยืดหยุ่น ตอบสนองความถนัดและความสนใจของผู้เรียนรายบุคคล
  • ครูและบุคลากรทางการศึกษามีทักษะจัดการเรียนรู้แบบ active learning
  • จัดการเรียนที่มุ่งพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนแบบถักทอความรู้ ทักษะ และเจตคติค่านิยม 
  • มีระบบการประเมินผลลัพธ์ผู้เรียนที่หลากหลาย
  • มีแพลตฟอร์มการเรียนรู้อัจฉริยะเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล ทุกช่วงวัย

3. ปฏิรูปกลไกและระบบการผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา

  • กลไกและระบบการผลิต คัดกรองครูและบุคลากรทางการศึกษาและอาจารย์ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ

4. การจัดการศึกษาระบบทวิภาคี นำสู่การจ้างงานและการสร้างอาชีพ

  • หลักสูตรฐานสมรรถนะที่จัดทำร่วมกับเจ้าของอาชีพ เพื่อลดช่องว่างการเรียนการสอนในสถานศึกษากับการทำงานในสถานประกอบการ
  • ผู้เรียนอาชีวศึกษาทวิภาคี มีสมรรถนะด้านอาชีพ พร้อมเข้าสู่อาชีพ ผ่านเกณฑ์รับรองมาตรฐานอาชีพ
  • สถานประกอบการที่มีคุณภาพ เพิ่มขึ้น
  • ครูอาชีวะได้รับการพัฒนาประสบการณ์อาชีพ เพิ่มขึ้น
  • มีแผนบูรณาการ วางรากฐานการศึกษาเพื่ออาชีพ

5. ปฏิรูปบทบาทการวิจัยและระบบธรรมาภิบาลของสถาบันอุดมศึกษา

  • มีแนวทางการพัฒนาระบบการคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
  • วิจัยและพัฒนานวัตกรรมระบบการเรียนรู้ดิจิทัล สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งระบบธนาคารหน่วยกิต 
  • พัฒนางานวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาเพื่อประเทศก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ภายใน 20 ปี
  • ปรับปรุงระบบธรรมาภิบาลของสถาบันอุดมศึกษา

นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภา / 8 ธันวาคม 2564 .